ขวด PET กับขวดพลาสติกทั่วไป ต่างกันอย่างไร?

ทำไมหลายๆธุรกิจจึงนิยมใช้ ขวด PET ในกระบวนการผลิตสินค้า

ขวด PET กับขวดพลาสติกทั่วไป ต่างกันอย่างไร?

ในยุคปัจจุบันที่สินค้าเกือบทุกประเภทต้องอาศัย “บรรจุภัณฑ์” เพื่อช่วยปกป้องสินค้า และ สร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ ขวดพลาสติกจึงกลายเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ยอดนิยมที่สุด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และ ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค แต่เมื่อพูดถึง “ขวดพลาสติก” หลายๆคนอาจไม่รู้ว่าขวดที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด — โดยเฉพาะความแตกต่างระหว่าง ขวด PET และ ขวดพลาสติกทั่วไป แม้จะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่ทั้งสองแบบมีความแตกต่างอย่างมาก ทั้งในด้านวัสดุ คุณสมบัติ การใช้งาน ความปลอดภัย ไปจนถึงการรีไซเคิล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของสินค้า และ ภาพลักษณ์ของแบรนด์โดยตรง ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างละเอียดว่า “ขวด PET” ต่างจาก “ขวดพลาสติกทั่วไป” อย่างไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน และ ทำไมธุรกิจส่วนใหญ่จึงเลือกใช้ขวด PET ในการผลิตสินค้า

 

ทำความรู้จักกับขวด PET คือ อะไร?

ต้องเข้าใจก่อนว่า ขวด PET คือขวดที่ทำจากพลาสติกชนิด Polyethylene Terephthalate หรือ ที่เรียกย่อ ๆ ว่า PET ซึ่งเป็นพลาสติกในกลุ่มโพลีเอสเตอร์ ที่มีคุณสมบัติเด่น คือ มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงมาก ,
ทนแรงดัน และ แรงกระแทกได้ดี , ใสเหมือนแก้ว ดูสวยงาม และ พรีเมียม , ไม่ดูดซึมกลิ่น หรือ รสของผลิตภัณฑ์ และ ยังสามารถรีไซเคิลได้ 100% ทำให้ขวด PET ได้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตสินค้าประเภทต่างๆ เช่น ขวดน้ำดื่ม  , ขวดน้ำอัดลม , ขวดน้ำผลไม้ , ขวดซอส , ขวดน้ำมันพืช และ รวมถึงขวดบรรจุผลิตภัณฑ์ทางยา และ เครื่องสำอางบางประเภท เป็นต้น

จุดแตกต่างหลักระหว่าง “ขวด PET” กับ “ขวดพลาสติกทั่วไป”

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นของความแตกต่างระหว่าง ขวด PET และ ขวดพลาสติกทั่วไป เรามาเปรียบเทียบกันแบบละเอียดในแต่ละด้าน ดังนี้

  1. วัสดุ และ โครงสร้างทางเคมี
    โดยขวด PET นั้นผลิตจากโพลีเอสเตอร์ที่มีพันธะเคมีแข็งแรง ทำให้มีความใส แข็งแรง และ ทนแรงดันสูง แต่ขวดพลาสติกทั่วไป เช่น HDPE หรือ PP เป็นโพลีเอทิลีน และ โพลีโพรพิลีน จะมีเนื้อขุ่น ทึบแสง และ มีความยืดหยุ่นมากกว่า ทำให้ขวด PET ดูใสเหมือนแก้ว ในขณะที่พลาสติกทั่วไปจะดูขุ่น หรือ ทึบ

  2. ความใส และ ความสวยงาม
    ขวด PET นั้นจะมีความใสสูง ทำให้แสงสามารถผ่านได้ดี จึงเหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการโชว์สี และ เนื้อผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำดื่ม น้ำผลไม้ หรือ เครื่องดื่มชูกำลัง ส่วนขวดพลาสติกทั่วไปมักทึบแสง หรือ ขุ่น จึงเหมาะกับสินค้าที่ไม่ต้องการให้โดนแสง เช่น น้ำยาทำความสะอาด ครีม หรือ สารเคมี ทำให้ถ้าต้องการภาพลักษณ์พรีเมียม และ ใสสะอาดขวด PET เหมาะที่สุด

  3. ความแข็งแรง และ ความทนทาน
    ขวด PET มีความแข็งแรงสูง และ ทนแรงดันได้ดี แม้มีความหนาน้อยก็ไม่ทำให้แตกง่าย ส่วนขวด HDPE และ PP มีความเหนียวแต่ยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะกับการบีบ หรือ กด แต่ไม่ทนแรงดันภายในมากนัก ทำให้ ขวด PET เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีแรงดัน เช่น น้ำอัดลม ส่วนขวด HDPE เหมาะกับของเหลวทั่วไปที่ไม่เกิดแรงดัน

  4. น้ำหนัก และ ความสะดวกในการขนส่ง
    ขวด PET จะมีน้ำหนักเบากว่าขวดแก้วหลายเท่า และ เบากว่าขวดพลาสติกบางชนิดด้วย ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการขนส่ง และ ประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิตได้ด้วย

  5. การทนต่ออุณหภูมิ
    ขวด PET นั้นสามารถทนความร้อนได้ประมาณ 60–70°C หากสูงกว่านี้จะเริ่มเสียรูป ส่วน ขวด PP จะทนความร้อนได้ถึง 120°C จึงเหมาะกับสินค้าที่ต้องผ่านการนึ่ง หรือ ใช้ในไมโครเวฟ และ ขวด HDPE จะสามารถทนความร้อนได้ปานกลางประมาณ 80–100°C นั้นเอง ทำให้หากต้องการใช้ความร้อนสูง ขวด PP จะเหมาะกว่า แต่ถ้าต้องการความใส และ เบาขวด PET เหมาะที่สุด

  6. การซึมผ่านของก๊าซ และ กลิ่น
    ขวด PET มีโครงสร้างที่แน่นหนา ทำให้สามารถกันอากาศ และ ก๊าซได้ดี จึงช่วยรักษาความสดของเครื่องดื่มได้ยาวนานกว่า ในขณะที่ขวดพลาสติกทั่วไปอย่าง HDPE หรือ PP มีโครงสร้างที่หลวมกว่า ทำให้ก๊าซผ่านได้ง่าย จึงทำให้ ขวด PET เหมาะกับเครื่องดื่มอัดลม และ น้ำผลไม้ที่ต้องเก็บความซ่า และ กลิ่นไว้

  7. ความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
    ขวด PET ที่ผ่านมาตรฐานการผลิตสำหรับอาหาร (Food Grade) จะปลอดภัย ไม่เป็นพิษ ไม่ละลายสารอันตรายออกมาแม้ต้องเก็บในระยะยาว ในขณะที่ขวดพลาสติกบางประเภท เช่น PVC อาจมีสารคลอรีนหรือ สารเติมแต่งที่ไม่เหมาะกับการบรรจุอาหาร ทำให้ ขวด PET นั้นมีความปลอดภัยกว่าในการสัมผัสอาหาร และ เครื่องดื่ม

  8. ความสามารถในการรีไซเคิล
    ขวด PET เป็นหนึ่งในพลาสติกที่รีไซเคิลได้ง่ายที่สุดในโลก  โดยเมื่อรีไซเคิลแล้วสามารถนำไปผลิตเส้นใยผ้า หรือ ขวดใหม่ได้ ส่วนขวดพลาสติกอย่าง PP หรือ HDPE ก็รีไซเคิลได้ แต่กระบวนการจะซับซ้อนกว่า และ คุณภาพลดจะลงหลังการรีไซเคิล ทำให้ ขวด PET เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ มีมูลค่าการรีไซเคิลสูงกว่านั้นเอง

 

ทำไมธุรกิจส่วนใหญ่จึงเลือกใช้ ขวด PET

  1. น้ำหนักเบา ลดต้นทุนขนส่ง - ขวด PET ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และ เชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับขวดแก้วได้มากกว่า
  2. ความใสเหมือนแก้ว ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์สินค้า - ทำให้สินค้าในขวดดูสดใส และ น่าดื่มยิ่งขึ้น
  3. ปลอดภัยสำหรับอาหาร และ เครื่องดื่ม - ขวด PET ได้ผ่านมาตรฐาน Food Grade ที่ใช้กันทั่วโลก
  4. รองรับการผลิตความเร็วสูง - ขวด PET จะใช้กับเครื่องเป่าขวดอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. รีไซเคิลง่าย และ ได้รับการยอมรับในด้านสิ่งแวดล้อม - ขวด PET สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ และ มีตลาดรองรับเสมอ

 

จะเห็นได้ว่าแม้ “ขวดพลาสติกทั่วไป” จะมีประโยชน์ และ ต้นทุนต่ำ แต่ “ขวด PET” กลับตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย ความสวยงาม และ สิ่งแวดล้อมได้ดีกว่า จึงไม่แปลกใจที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และอาหารกว่า 90% ทั่วโลกเลือกใช้ขวด PET เป็นบรรจุภัณฑ์หลัก เพราะในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับทั้ง “คุณภาพสินค้า” และ “ความยั่งยืน”ขวด PET ไม่ได้เป็นแค่บรรจุภัณฑ์ธรรมดา แต่คือ “ส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ และ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม” ของแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย

ดังนั้นหากสนใจขวด PET คุณภาพสูงเราขอแนะนำ บริษัท โอ้วไถ่ฮง บรรจุภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตขวดพลาสติก และ จำหน่าย ขวดบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางครบวงจร ทั้งแบบขายส่ง และ สั่งผลิตตามความต้องการ เรามีสินค้าหลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ขวดพลาสติก ขวดแก้ว ขวด PET ขวดปั๊ม ขวดน้ำหอม ขวดสเปรย์ กระปุกครีม กระปุกพลาสติก กระปุกแก้ว ขวดยา ขวดสเปรย์แอลกอฮอล์ ขวดสูญญากาศ ขวดปั๊มโฟม ขวด diffuser รวมถึงบรรจุภัณฑ์อีกมากมาย ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานหลากหลายประเภท ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ อาหารเสริม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

ติดต่อสอบถาม
บริษัท โอ้วไถ่ฮง บรรจุภัณฑ์ จำกัด

214 - 214/1 ถ.หลานหลวง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ 10100
Tel: 02 627 0785 ถึง 88 , 084 752 7864